Please use this identifier to cite or link to this item: http://kmutnb-ir.kmutnb.ac.th/jspui/handle/123456789/60
Title: A Study of Public Transport Accessibility : A case study of Krung Thep Aphiwat Central Terminal Station
การศึกษาการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ : กรณีศึกษาสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
Authors: KRITCHANAT KHONGHAKOTE
กฤชณัท กองหาโคตร
SUPORNCHAI UTAINARUMOL
สุพรชัย อุทัยนฤมล
King Mongkut's University of Technology North Bangkok
SUPORNCHAI UTAINARUMOL
สุพรชัย อุทัยนฤมล
supornchai.u@eng.kmutnb.ac.th,paul@kmutnb.ac.th
supornchai.u@eng.kmutnb.ac.th,paul@kmutnb.ac.th
Keywords: ความสามารถในการเข้าถึง รูปแบบการกระจายตัว
Accessibility
Distribution Pattern
Issue Date:  9
Publisher: King Mongkut's University of Technology North Bangkok
Abstract: This research aims to evaluate the accessibility level of the Red Line electric train at Krung Thep Apiwat Central Terminal Station, serving as a metric for assessing the efficiency of the public transportation system. The study focuses on two primary factors: time and cost aspects. The objectives are to analyze the spatial characteristics and distribution patterns of the public transportation network and to assess accessibility levels using Geographic Information Systems (GIS). The spatial analysis and distribution pattern study indicate that the majority of the area comprises commercial land. The bus and motorcycle taxi networks exhibit a clustered distribution pattern, whereas the suburban Red Line electric train network demonstrates a dispersed distribution pattern. The current Accessibility Index (AI) is 1.76, covering a service area of 3.44 square kilometers (43.27%). In a development scenario, the average AI increases to 2.01, extending the service area to 4.03 square kilometers (50.69%), resulting in an expansion of 0.59 square kilometers (17.15%). Furthermore, an analysis of inequality reveals a reduction in the Gini coefficient by 0.09 (20%), indicating that development efforts contribute to a decrease in accessibility inequality.
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาระดับการเข้าถึงรถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือชี้วัดประสิทธิภาพของระบบขนส่งสาธารณะ โดยการพิจารณาจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านระยะเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ เพื่อศึกษาลักษณะเชิงพื้นที่และรูปแบบการกระจายตัวของระบบขนส่งสาธารณะ และเพื่อวิเคราะห์ระดับการเข้าถึงฯ ผ่านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ผลการศึกษาลักษณะเชิงพื้นที่และรูปแบบการกระจายตัว พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ดินประเภทพาณิชยกรรม ซึ่งโครงข่ายรถโดยสารประจำทางและรถจักรยานยนต์รับจ้าง จะมีลักษณะการกระจายแบบเป็นกลุ่มก้อน (Clustered Distribution) แต่ในทางกลับกันโครงข่ายรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จะมีลักษณะการกระจายแบบกระจายตัว (Dispersed Distribution) ผลการศึกษาระดับการเข้าถึงฯ พบว่า ในปัจจุบันมีค่าดัชนีการเข้าถึงฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.76 (AI = 1.76) มีพื้นที่ครอบคลุมการบริการ เท่ากับ 3.44 ตารางกิโลเมตร (ร้อยละ 43.27) และในกรณีที่เกิดการพัฒนา พบว่า มีค่าดัชนีการเข้าถึงฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 2.01 (AI = 2.01) มีพื้นที่ครอบคลุมการบริการ เท่ากับ 4.03 ตารางกิโลเมตร (ร้อยละ 50.69) ซึ่งส่งผลให้มีพื้นที่ครอบคลุมการบริการเพิ่มขึ้น 0.59 ตารางกิโลเมตร (เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.15) นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงความเหลื่อมล้ำ พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์จีนีลดลง 0.09 (ลดลงร้อยละ 20.00) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่อมีการพัฒนาจะส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงฯ ลดลงนั่นเอง
URI: http://kmutnb-ir.kmutnb.ac.th/jspui/handle/123456789/60
Appears in Collections:FACULTY OF ENGINEERING

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
s6501081856011.pdf6.53 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.