A Study of Patterns and Coping Methods of Workplace Bullying of Employees in the Chemical Products Industry Rayong Province.

Abstract

Due to the increasing trend of employee turnover due to workplace bullying, the researcher is interested in studying the patterns and methods of dealing with workplace bullying among employees in the Chemical Products industry in Rayong Province. The population used in this study was 6,452 employees in the Chemical Products industry in Rayong Province, with a total sample of 377 people. The research instrument was a questionnaire and descriptive statistics were used, including percentage, mean, and standard deviation, and inferential statistics, including t-test and Anova.The research results found that most employees in the Chemical Products industry in Rayong Province were male, aged 25-45 years, have a bachelor's degree, are an operational-level employee, and have worked for more than 5 years. The most cause was the desire for power over others. The results focused on verbal bullying. Most employees responded that by instilling bullying behaviors against others. The level of opinion of how to deal with this It was found that in terms of age. Request the person to stop the bullying behavior.

จากแนวโน้มการลาออกของพนักงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปัญหาความเครียดสะสมจากการทำงาน เนื่องจากสาเหตุการกลั่นแกล้งในสถานที่ทำงาน ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษารูปแบบและวิธีการรับมือการกลั่นแกล้งในที่ทำงานของพนักงานในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จังหวัดระยอง เพื่อเป็นแนวทางในการรับมือต่อสถานการณ์การกลั่นแกล้งในที่ทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรโดยรวม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พนักงานในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จังหวัดระยอง จำนวน 6,452 คน ขนาดกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 377 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถาม และใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติอ้างอิง ได้แก่ t-test และ Anova ผลการวิจัยพบว่า พนักงานในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จังหวัดระยอง ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุ 25-45 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ มีอายุงานมากกว่า 5 ปี สาเหตุที่ก่อให้เกิดการกลั่นแกล้งในที่ทำงานมากที่สุด คือ การต้องการมีอำนาจเหนือผู้อื่น รูปแบบการกลั่นแกล้งในที่ทำงานให้ความสำคัญมากกับด้านการกลั่นแกล้งทางวาจา การตอกยํ้า ซํ้าเติม เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระดับความสำคัญของรูปแบบการกลั่นแกล้งในที่ทำงาน จำแนกตามสถานภาพทั่วไป ด้านระดับการศึกษา พบว่า โดยภาพรวม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นของวิธีการรับมือการกลั่นแกล้งในที่ทำงาน พบว่า ด้านอายุ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05