Forecasting the Waste Volume in the Packing Process of Electronic Products

Abstract

The objective of this study is to compare suitable forecasting models for predicting the amount of waste from the packaging process of electronic products. In this study, there is additional interest in the amount of waste from the packaging process between two types of products. Therefore, the data is divided into two groups: 1) Product Type A and 2) Product Type B, with data collected from a case study company for forecasting and comparing the results. The data is monthly, covering the period from January 2019 to December 2024, totaling 72 months, to be used for comparing statistical forecasting methods, including (1) Exponential Smoothing Method, (2) Time Series Regression Method for forecasting with seasonal variation, (3) Box-Jenkins Method, and (4) Combined Forecasting Method. The accuracy of the forecasting models will be assessed using the Mean Absolute Percentage Error (MAPE). The expected outcome of this study is to use time series analysis techniques for forecasting to identify the most suitable model, which will aid in analyzing the waste rate and finding effective ways to reduce waste in the process.

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบตัวแบบการพยากรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการพยากรณ์ปริมาณของเสียจากกระบวนการบรรจุของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้มีความสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณของเสียจากกระบวนการบรรจุระหว่างผลิตภัณฑ์สองชนิด จึงทำการแบ่งข้อมูลเป็น 2 กลุ่มเพื่อทำการศึกษาผลลัพธ์ทางการพยากรณ์ข้อมูลซึ่งได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ชนิด A และ 2) ผลิตภัณฑ์ชนิด B ซึ่งเก็บข้อมูลมาจากบริษัทกรณีศึกษาแห่งหนึ่งเพื่อทำการพยากรณ์และเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งข้อมูลมีลักษณะเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ.2562 ถึงเดือน ธันวาคม พ.ศ.2567 รวมทั้งสิ้นจำนวน 72 เดือน เพื่อใช้สำหรับเปรียบเทียบวิธีการพยากรณ์ทางสถิติ ได้แก่ (1) วิธีการปรับให้เรียบแบบเลขชี้กำลัง (Exponential Smoothing Method) (2) วิธีการวิเคราะห์การถดถอยด้วยอนุกรมเวลา (Time Series Regression Method) (3) วิธีบอกซ์เจนกินส์ (Box-Jenkins Method) และ (4) วิธีการพยากรณ์ร่วม ตรวจสอบและเปรียบเทียบความแม่นยำของตัวแบบการพยากรณ์ด้วยค่าร้อยละความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ย (MAPE) และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษาในครั้งนี้คือใช้เทคนิคการวิเคราะห์อนุกรมเวลาในการพยากรณ์ เพื่อค้นหาตัวแบบที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยในการวิเคราะห์อัตราของเสียที่เกิดขึ้นและหาวิธีการลดของเสียในกระบวนการบรรจุอย่างมีประสิทธิภาพ