Guidelines for Food Waste management in the hotel industry according to the attitude of employees in the establishment

Abstract

The objective of this research is to study factors and Guidelines for Food Waste management in the hotel industry according to the attitude of employees in the establishment, a questionnaire was used as a data collection tool for 192 individuals. Analysis involving mean differences, one-way variance, and Scheffe values determined statistical significance at the .05 level.The results showed that the majority of respondents were females aged 18 to 22 years, holding mid to upper management positions. They had either less than 10 years or more than 20 years of work experience and worked in establishments rated 1 to 3 stars that had been operating for 10 to 20 years, with an average monthly income exceeding 45,000 baht. Respondents rated the overall importance level of the issues discussed as essential. When classified into aspects, it was found that reuse was at the highest level.The comparison of differences classified by age revealed that there were 6 key differences including reuse, maintenance, proper storage and preservation of leftover food for future use, the promotion of research, the development of methods for converting food waste into clean energy, the conversion of food waste into biogas for energy production, and the fermentation and transformation of food waste into gas. When classifying job titles, 2 significant factors were identified: maintenance and using food waste for fuel energy production. For the income, it was found that 3 varied factors were identified: maintenance, the creation activities aimed at promoting the recycling of food waste in establishments, and the conversion of fermented food waste into gas. When work experience was classified, there was a significant difference: using food waste to produce biogas for energy production. Additionally, when classifying the duration of business operation, one notable finding was using food waste to produce biogas for energy production, which was statistically significant at the .05 level.

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยและแนวทางการจัดการขยะอาหารของอุตสาหกรรมโรงแรม ตามทัศนคติของพนักงานในสถานประกอบการ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวน 192 ราย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวนทางเดียว และค่าเชฟเฟ่ กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงอายุ 18 - 22 ปี ตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางสูง ประสบการณ์การทำงานต่ำกว่าอายุ 10 ปีและ มากกว่า 20 ปีขึ้นไป รายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 45,000 บาท ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ 10 -20 ปี ขนาดของสถานประกอบการ 1 – 3 ดาว ผู้ตอบแบบสอบถามให้ระดับความสำคัญโดยภาพรวมอยู่ในระดับสำคัญมาก เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า ด้านการใช้ซ้ำ (Reuse) อยู่ในระดับมากทั้งหมดผลการเปรียบเทียบความแตกต่าง จำแนกตามสถานภาพทั่วไปด้านช่วงอายุ พบว่า มีความแตกต่างกัน จำนวน 6 รายการ ได้แก่ ด้านการใช้ซ้ำ ด้านการเปลี่ยนเป็นพลังงาน การจัดเก็บและเก็บรักษาอาหารเหลืออย่างเหมาะสมเพื่อนำมาใช้ต่อในครั้งถัดไป ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาการเปลี่ยนขยะอาหารเป็นพลังงานงานสะอาด นำขยะอาหารไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในการผลิตพลังงาน นำขยะอาหารหมักและแปลรูปเป็นก๊าซ เมื่อจำแนกด้านตำแหน่งงาน พบว่า มีความแตกต่าง จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ด้านการเปลี่ยนเป็นพลังงาน นำขยะอาหารไปใช้ในการผลิตพลังงานเชื้อเพลิง เมื่อจำแนกด้านรายได้ พบว่า มีความแตกต่าง จำนวน 3 รายการ ได้แก่ ด้านการเปลี่ยนเป็นพลังงาน สร้างกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการนำรีไซเคิลขยะอาหารในสถานประกอบการ นำขยะอาหารหมักและแปลรูปเป็นก๊าซ เมื่อจำแนกด้านอายุการทำงาน พบว่า มีความแตกต่าง จำนวน 1 รายการ ได้แก่ นำขยะอาหารไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในการผลิตพลังงาน และเมื่อจำแนกด้านระยะเวลาดำเนินธุรกิจ พบว่า มีความแตกต่างกัน จำนวน 1 รายการ ได้แก่ นำขยะอาหารไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในการผลิตพลังงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05